เมืองกำแพงเพชรในสมัยต่างๆ

  • เมืองกำแพงเพชรในสมัยสุโขทัย


       ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราอาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัยได้แผ่ขยายครอบคลุมไปอย่างกว้างขวาง ชุมชนโบราณแถบเมืองกำแพงเพชรที่ก่อกำเนิดขึ้นและถูกกล่าวถึงในศิลาจารึกหลักที่ 1 คือเมืองคณฑี (ปัจจุบันคือ บ้านโคน ตำบลคณฑี อำเภอเมืองกำแพงเพชร) ซึ่งน่าจะเป็นเมืองโบราณที่มีความสำคัญเมืองหนึ่งในบริเวณจังหวัดกำแพงเพชรในสมัยสุโขทัยได้เป็นอย่างดี
  ในจารึกหลักที่ 3 หรือจารึกนครชุมได้กล่าวถึงการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและการปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้มาจากลังกาทวีปที่เมืองนครชุมเมื่อปี พ.ศ.1900 ไทยพระมหาธรรมราชาลิไท อีกทั้งทรงประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่เขานางทอง ในเมืองนางพานด้วย (ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร) นับเป็นกุศโลบายในการขยายอำนาจของอาณาจักรสุโขทัย โดยอาศัยพระพุทธศาสนาเป็นศูนย์กลางของอำนาจ ในช่วงระยะเวลานี้ เมืองนครชุมจึงน่าจะเป็นเมืองที่มีความสำคัญเมืองหนึ่ง ทั้งในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาและเป็นเมืองที่ควบคุมเส้นทางการคมนาคมของอาณาจักรสุโขทัยในการที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นที่อยู่ทางด้านตะวันตกและด้านทิศใต้  ภายหลังจากพระมหาธรรมราชาลิไทสวรรคต (พ.ศ.1817-1818)

  • เมืองกำแพงเพชรในสมัยอยุธยา 

    • สถานภาพทางการเมือง
  ในขณะที่อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยกำลังเสื่อมถอยลงกรุงศรีอยุธยาก็ได้แผ่ขยายอาณาเขตขึ้นมาทางเหนือมาตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่วครองราชย์ตั้งแต่ พ.ศ.1913-1930) ระยะเวลาหลังจากนี้เมืองกำแพงเพชรได้กลายมาเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งในที่สุดเมื่ออาณาจักรสุโขทัยได้ถูกผนวกเข้าภายใต้อำนาจแห่งของกรุงศรีอยุธยาอย่างเด็ดขาดใน
  ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้โปรดให้แก้ไขการจัดการปกครองหัวเมืองใหม่ โดยยกเลิกเมืองพระยามหานครและจัดแบ่งหัวเมืองนอกเขตราชธานีออกเป็น 3 ชั้น คือ หัวเมืองชั้นเอก หัวเมืองชั้นโท และหัวเมืองชั้นตรี เมืองกำแพงเพชรถูกจัดให้เป็นหัวเมืองชั้นโท มี”ออกญารามรณรงค์สงครามรามภักดีอภัยพิรียะภาหะ”เป็นผู้ปกครอง

    • ความสำคัญฐานะเป็นศูนย์กลางทางศาสนา

  ดังจะเห็นซากวัดโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่จำนวนมากซึ่งล้วนแล้วแต่มีรูปแบบผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัยและศิลปะอยุธยา อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตเมื่อ พ.ศ.2058
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการนับถือศาสนาพราหมณ์ โดยมีเทสถานที่ประดิษฐานพระอิศวรหล่อด้วยสำริดที่เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช เจ้าเมืองกำแพงเพชร ได้หล่อขึ้นเพื่อให้คุ้มครองชาวเมืองกำแพงเพชรอีกทั้งยังเป็นการอุทิศกุศลถวายแด่พระมหากษัตริย์แห่งศรีอยุธยาด้วย

  • เมืองกำแพงเพชรในสมัยรัตนโกสินทร์

  ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองกำแพงเพชรยังคงเป็นหัวเมืองชั้นโทฝ่ายเหนือ มีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองหน้าด่านจึงมีส่วยต่างๆและสิ่งของหลายชนิดจากเมืองกำแพงเพชรถูกส่งเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้แก่ ส่วยเงิน ส่วยดินประสิว เงินค่าตอไม้ และเงินค่าหลวงนา เช่น เสาศิลาและไม้ชนิดต่างๆเนื่องจากผืนป่าของกำแพงเพชรในสมัยนั้นมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
  ในรัชสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าบรมวรวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย จัดการปกครองหัวเมืองใหม่เป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล ทรงดำเนินการจัดตั้งมณฑล ครั้งนี้เมืองกำแพงเพชรถูกจัดให้อยู่ในมณฑลนครสวรรค์รวมกับเมืองอื่นๆ ได้แก่ ชัยนาท สวรรคบุรี มโนรมย์ อุทัยธานี พยุหะคีรี นครสวรรค์ และตาก
  ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2444พระบาทสมเด็จฯพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชรทั้งเมืองไตรตรึงษ์ เมืองนครชุม เมืองกำแพงเพชรและได้ทรงพระราชนิพนธ์จดหมายเหตุการณ์ประพาสต้นครั้งที่ 2 เอาไว้อย่างละเอียด นอกจากนี้พระบาทสมเด็จฯพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ขณะดำรงพระอิสริยยศ
เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ก็ได้เสด็จประพาสเมืองกำแพงเพชร 
  ในเดือนมกราคม พ.ศ.2548 และเดือนมกราคม พ.ศ.2450 ด้วยพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องเที่ยวเมืองพระร่วง พระราชนิพนธ์ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์ จึงมีความสำคัญต่อการศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์โบราณคดีของเมืองกำแพงเพชรเป็นอย่างมาก
  ในปี พ.ศ.2458 มีการเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” “เมืองกำแพงเพชร” จึงถูกเปลี่ยนมาเป็น”จังหวัดกำแพงเพชร”ตั้งแต่นั้นมา







  • ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองกำแพงเพชรกับอาณาจักรล้านนา

  แม่น้ำปิงเป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมระหว่างเมืองกำแพงเพชรกับอาณาจักรล้านนา ทำให้ผู้คนจากสองบ้านเมืองมีการติดต่อสัมพันธ์กันมาตลอด โดยเฉพาะการค้าที่สำคัญ และดึงดูดผู้คนจากล้านนา ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่อง
การติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างสองบ้านสองเมืองนี้ นอกจากการค้าขายแล้ว อิทธิพลทางศิลปกรรมของล้านนาก็ยังปรากฏที่เมืองกำแพงเพชรด้วย เช่น เจดีย์ทรงระฆังที่มีฐานสูงภายในวัดอาวาสใหญ่ และพระพุธรูปปูนปั้นแบบล้านนาที่วัดสว่างอารมณ์ เป็นต้น